Welcome to T.H.N-Guidance ยินดีต้อนรับสู่...งานแนะแนวโรงเรียนถาวรานุกูล จังหวัดสมุทรสงคราม
ยินดีต้อนรับสู่ Blog T.H.N-Guidance.......
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู for Information and Communication Technology Teachers

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

17 ความจริงเกี่ยวกับคณะวิศวกรรมศาสตร์


ช่วงนี้พี่ใหญ่อย่าง ม.6 หลายๆคนคงเริ่มเก็บตัวซุ่มซ้อมอ่านหนังสือกันแล้ว.. แอดมิชชั่น ครั้งเดียวในชีวิต ทำให้เต็มที่..แต่นอกจากความรอบรู้ในห้องเรียน และเนื้อหาที่สอบแล้วก็คงจะไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จในการแอดมิชชั่นได้ เพราะยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนั้นก็คือ การรู้จักตัวเอง..
17 ความจริงเกี่ยวกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ (ใครที่คิดเรียนอาจเปลี่ยนใจได้ถ้าอ่านข้อความต่อไปนี้ )
1.สอบเข้ามาได้แล้วก็ไม่ได้พิเศษกว่าคนอื่นๆ ก็ยังเป็นคนเหมือนๆกับคณะเกษตร คณะแพทย์
2.เข้ามาง่าย ก็ออกง่าย หมายถึงโดนรีไทล์ นี้เป็นเรื่องจริงคณะวิศวกรรมศาสตร์ มีการออกของนักศึกษาทุกปี บางที่มาก บางที่น้อย หรือบางที่ก็ไม่มี ส่วนใหญ่จะเป็นปี1 ปี2 ปี 3
3.จบน้อยมาก ประมาณว่าเข้าไป 100 กว่าจบตรงตามหลักสูตรไม่ถึง 50 คน
4.ภายในคณะมีตั้งแต่ลูกคุณหนูจนถึงลูกชาวนา
5.หน้าตาตั้งแต่แบบดารานายแบบนางแบบจนถึงดูไม่ได้
6.มีตั้งแต่คนที่เก่ง ฉลาดที่สุด ไปจนถึงคนที่ช่างไมรู้อะไรบ้างเลย ไม่รู้ว่าเข้ามาได้ไง
7.
จบมาเกือบ100%ทำงานของเอกชน
8.การแข่งขันสูงมาก สูงจริงๆ ตั้งแต่สอบเข้าเรียน เข้าทำงาน จนถึงขณะที่ทำงาน

<> <>
9.เงินเดือนตั้งแต่ xx,xxx-xxx,xxx แต่ x,xxx,xxx ไม่รู้ว่ามีไหม ยังไม่เคยเห็น เงินเดือนยิ่งสูงความสามารถยิ่งต้องมากตาม
10.จบออกมา เกรดต่ำกว่า 2.0-2.5 มีโอกาสที่จะได้เดินเตะฝุ่นสูง (ตกงาน) 11.ถ้าได้เกียรตินิยม รับประกันได้ว่ามีงานทำ (เอากันได้ง่ายๆก็ดีซิ)
12.สังคมคาดหวังไว้สูงมาก แบบว่าสร้างตึกแล้วตึกถล่ม ต้องเข้าตารางซะโดยดี (คำขวัญ:เซ็นชื่อ รับตัง ติดคุก)
13.จะบูมเมื่อเศรษฐกิจดี ถ้าเศรษฐกิจดีความต้องการก็สูง แล้วถ้าไม่ดีล่ะ
14.ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี เช่นเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ในโรงงานคนที่ได้รับซองขาวคนแรกคือวิศวกร (พูดว่าโดนให้ออกเป็นคนแรกง่ายกว่า)
15.ไม่เก่งจริงก็มีโอกาสตกงาน (ยกเว้นในสาขาที่กำลังขาดแคลน) เพราะการแข่งขันสูง ลองคิดดูว่าแต่ละสถาบันรับเข้าไปเป็นจำนวนเท่าไหร่ แต่ภาคอุตสาหกรรมรับได้ไม่หมดหรอก
16.จบมาสอบ ใบ กว. ไม่ได้ก็ไปขายก๋วยเตี๋ยว (ขายแอมเวย์ก็ได้)
17.อาชีพนี้อาศัยความทะเยอทยานสูง (ความก้าวหน้าในอาชีพการงานแปรผันตรงกับ ความทะเยอทยาน)


ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากพี่ลาเต้ www.dek-d.com
และวันที่ 5 ม.ค.55 พบกับพี่ลาเต้และคณะจากเว็บdek- d.com on tour ที่โรงเรียนถาวรานุกูลค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับ 10 ประการพิชิต Admission

1. สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
: น้องๆ ต้องมองโลกในด้านบวกให้กับสิ่งที่น้องๆ ต้องการและตั้งใจแน่วแน่ในการกระทำเพราะข้อสอบไม่ว่าจะยากเท่าไหร่ก็ไม่ยากเกินความพยายาม

2. ประเมินความสามารถของตัวเอง
: น้องๆ ต้องพิจารณาว่าคณะวิชาที่น้องเลือกนั้น น้องมีพื้นฐานความรู้ในวิชาที่จะใช้สอบมากน้อยเพียงใด การแข่งขันของคณะวิชานั้นสูงแค่ไหน และประเมินจากเวลาที่เหลือที่น้องๆ จะใช้ในการเตรียมตัวว่าพอเพียงหรือไม่

3. แบ่งเวลาในการดูหนังสือ และกิจกรรมต่างๆ ให้ลงตัว
: เวลาผ่านไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้น้องๆ ต้องพยายามแบ่งเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมโดยให้เวลากับอ่านหนังสือเป็นหลัก แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะผ่อนคลายโดยการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่น้องๆ ชอบด้วย

4. วางแผนจัดการชีวิตให้ลงตัว
: ข้อนี้จะคล้ายกับการแบ่งเวลาแต่จะลงรายละเอียดเยอะกว่าโดยน้องๆ จะต้องวางแผนการดำเนินชีวิตในแต่ละวันว่าจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายที่น้องตั้งเอาไว้

5. เอาชนะตัวเอง
: ข้อนี้เป็นข้อที่ยากที่สุด เพราะถ้าน้องๆ เอาชนะตัวเอง เอาชนะความเกียจคร้าน สร้างวินัยให้กับตนเอง สร้างกำลังใจให้กับตัวเองไม่ได้ น้องๆจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย

6. ขจัดความกังวลออกไป
: เมื่อน้องๆ เริ่มลงมือเตรียมตัวเพื่อสอบต้องตัดความกังวลที่มีอยู่ออกไปให้หมด อย่ากังวลถึงอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้น อย่าคิดว่าทำไม่ได้ น้องๆต้องคิดว่าเมื่อมีความพยายาม ต้องมีความสำเร็จ

7. ทำตัวให้สนุกกับการอ่านหนังสือ
: อย่ามองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย แต่ให้มองว่าเป็นเรื่องที่สนุกสนานทำให้เราประเทืองปัญญา ทำให้เราเป็นคนที่รอบรู้ สามารถเข้าสังคมได้อย่างไม่อายใครและเป็นที่ยอมรับในอนาคต


8. ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง
: รางวัลในที่นี้คงไม่ได้หมายถึง เงินทอง เพชรพลอย แต่หมายถึงการทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย กิจกรรมที่ทำแล้วสบายใจ เช่นการร้องคาราโอเกะ ดูหนัง ฟังเพลง

9. สร้างสิ่งแวดล้อมให้เป็นแรงกระตุ้น
: อาจจะทำได้โดยการรวมกลุ่มกันอ่านหนังสือกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนความคิดและทบทวนในสิ่งที่เรากำลังอ่าน นอกจากจะทำให้เราอยากอ่านหนังสือแล้วยังทำให้เราประเมิณตัวเองได้อีกว่ายังต้องพยายามมากขึ้นอีกแค่ไหน


10. ให้โอกาสตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
: ทางเลือกในการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยมีอยู่มากมาย ทั้งมหาวิทยาลัยของรัฐบาล และเอกชนถึงน้องจะพลาดหวังจากทางเลือกนึงก็ยังที่ทางเลือกอื่น

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โลจิสติกส์คืออะไร



มารู้จักกับ "โลจิสติกส์"

            โลจิสติกส์ (Logistics) เป็นคำที่มาจากภาษากรีกแปลว่า ศิลปะในการคำนวณ ในสมัยโบราณ รวมทั้งในสมัยปัจจุบัน มีการกล่าวถึง การส่งกำลังบำรุงทางทหาร และการประสบชัยชนะ หรือความพ่ายแพ้ในสงครามโดยอาศัยความเข้มแข็ง หรือความอ่อนแอของสมรรถนะในเชิงโลจิสติกส์
            คำนิยามที่ใช้นิยามการจัดการโลจิสติกส์ในระดับสากลนั้นจะเป็นคำนิยามจาก The Council of Logistics Management (CLM) ซึ่งได้ให้คำนิยามการจัดการด้านโลจิสติกส์ไว้ว่า
กระบวนการในการวางแผน ดำเนินการ และควบคุมประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการไหล การจัดเก็บวัตถุดิบ สินค้าคงคลังในกระบวนการ สินค้าสำเร็จรูป และสารสนเทศที่เกี่ยวข้องจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดที่มีการใช้งาน โดยมีเป้าหมายเพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
นอกจากนั้นแล้ว Logistix Partners Oy, Helsinki, Fl ให้คำนิยามโลจิสติกส์ธุรกิจว่า
โครงสร้างของการวางแผนทางธุรกิจ สำหรับการบริหารจัดการกับวัตถุดิบ การบริการการไหลของข้อมูล และเงินทุน ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่มีความซับซ้อน การติดต่อสื่อสาร และกระบวนการควบคุม ให้ตรงกับความต้องการในสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจปัจจุบัน

            พันธกิจของการบริหารโลจิสติกส์ คือ การวางแผนการดำเนินงานและประสานการดำเนินงานในกิจกรรมต่างๆที่มุ่งบรรลุผลในด้านการตอบสนอง ความต้องการของลูกค้า โดยการนำเสนอบริการและคุณภาพในระดับที่เหนือกว่า ด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำนิยามที่เกี่ยวข้อง
วิศวกรรมโลจิสติกส์ (Logistics Engineering)
โลจิสติกส์แบบย้อนกลับ (Reverse Logistics)
• Production Logistics
• Consumer Logistics
• Third Party Logistics
• Global Logistics

บทบาทของโลจิสติกส์
โลจิสติกส์เป็นกุญแจสำคัญในระบบเศรษฐกิจสองแนวทาง คือ
โลจิสติกส์เป็นรายจ่ายที่สำคัญสำหรับธุรกิจต่างๆ และจะส่งผลกระทบและได้รับผลกระทบจากกิจกรรมอื่น ในระบบเศรษฐกิจ การปรับปรุงประสิทธิผลของกระบวนการด้านโลจิสติกส์ จะส่งผลโดยตรงต่อการปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมให้ดีขึ้นได้ โลจิสติกส์ได้รองรับการเปลี่ยนแปลงและกระบวนการของธุรกรรมทางเศรษฐกิจ และได้กลายเป็นกิจกรรมสำคัญในด้านการสนับสนุนการขายเสมือนหนึ่งเป็นสินค้าและบริการด้วย โลจิสติกส์เป็นการเพิ่มอรรถโยชน์ทางด้านเวลาและสถานที่ โดยให้มีการนำสินค้าที่ลูกค้าต้องการเพื่อบริโภคหรือเพื่อการผลิตไปยังสถานที่ที่ต้องการ ในเวลาที่ต้องการ ในสภาพที่ต้องการ และในต้นทุนที่ต้องการ
พัฒนาการจัดการโลจิสติกส์ พัฒนาการของโลจิสติกส์ในช่วงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 เป็นต้นมา อาจสรุปได้ดังนี้
โลจิสติกส์ด้านการทหาร
โลจิสติกส์เริ่มเป็นที่รู้จักในครั้งแรกสืบเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามอ่าวเปอร์เซีย ในความสามารถการกระจายและจัดเก็บยุทธภัณฑ์และกำลังพลอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะของกองทัพสหรัฐในครั้งนั้น

การแข่งขันที่รุนแรง
จากการที่อัตราดอกเบี้ยและต้นทุนด้านพลังงานสูงขึ้น โลจิสติกส์จึงได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น จากการที่โลจิสติกส์เป็นต้นทุน ในการดำเนินที่สำคัญตัวหนึ่ง ต้นทุนจากโลจิสติกส์จึงเป็นสิ่งที่กำหนด ความอยู่รอดสำหรับหลายๆ องค์กร นอกจากนี้อุตสาหกรรมยุคโลกาภิวัฒน์ยังได้ส่งผลกระทบ ต่อโลจิสติกส์ในหลายแนวทางดังนี้
การแข่งขันระดับโลกที่มากขึ้น โลจิสติกส์เป็นตัวตัดสินเนื่องจากองค์กรภายในประเทศจะต้องเพิ่มความน่าเชื่อถือ และมีการตอบสนองที่รวดเร็วต่อตลาดที่อยู่ใกล้เคียงมากกว่าคู่แข่งที่อยู่ไกลออกไป
องค์กรที่ซื้อขายระหว่างคู่ค้า จะพบว่าโซ่อุปทานมีต้นทุนสูงและความซับซ้อนมากขึ้น การบริหารโลจิสติกสืที่ดีจึงมีความจำเป็นเพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขันอย่างเต็มที่ทั่วโลก

กิจกรรมหลักในการจัดการโลจิสติกส์
กิจกรรมต่างๆ ที่อยู่ในขอบข่ายการกระบวนการโลจิสติกส์ ประกอบด้วย
งานบริการลูกค้า
การวางแผนเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของอาคารโรงงาน คลังสินค้า
การพยากรณ์และการวางแผนอุปสงค์
การจัดซื้อจัดหา
การจัดการสินค้าคงคลัง
การจัดการวัตถุดิบ
การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ
การบรรจุหีบห่อ
การดำเนินการกับคำสั่งซื้อ
การขนของและการจัดส่ง
โลจิสติกส์ย้อนกลับ (อาทิเช่น การจัดการสินค้าคืน)
การจัดการกับช่องทางจัดจำหน่าย
การกระจายสินค้า
คลังสินค้าและการเก็บสินค้าเข้าคลัง
การจราจรและการขนส่ง
กิจกรรมการแปรรูปเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่
การรักษาความปลอดภัย
การเชื่อมประสานกันของกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้เพื่อบรรลุถึง ความร่วมมือกันในการวางแผน, การดำเนินการ, การควบคุมสินค้าและการบริการ และการไหลของข้อมูลผ่านองค์กรอย่างประสานสอดคล้องมีประสิทธิภาพ คือ สิ่งที่รู้จักกันทุกวันนี้ว่า โลจิสติกส์
            สรุปแล้ว การจัดการโลจิสติกส์ คือ กระบวนการจัดการและกระบวนการสารสนเทศ ที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนแกนกลาง ในการแสวงหาแหล่งของวัตถุดิบและบริการ, การจัดหา, การเก็บสินค้าเข้าคลัง และการจัดส่งผลิตภัณฑ์ ที่ถูกต้องไปยังสถานที่ที่ถูกต้องในเวลาที่พอเหมาะ โดยมีการเก็บสินค้าคงคลัง, การสิ้นเปลืองเวลา ค่าใช้จ่าย, ความเพียรพยาม. และเงินทุน น้อยที่สุดเพื่อที่จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจ อย่างมีประสิทธิผล

ที่มา : http://www.utcc.ac.th/engineer/logistics/logistic.htm

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

หนูอยากจะเป็น....?

1.นักสื่อสารและงานผูกมิตรหรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นงานด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์   อาชีพนี้ยังคงติดอันดับหนึ่งในสิบของวิชาชีพที่คนรุ่นใหม่ใฝ่ฝันอยากเป็น ไม่ว่าจะเป็นนักข่าว นักเขียนหรือนักประชาสัมพันธ์ ล้วนเป็นอาชีพที่ต้องทำงาด้านข่าวสาร ความเคลื่อนไหวเพื่อกระจายไปสู่ คนหมู่มากงานเหล่านี้จึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน เรียกว่าไม่ซ้ำซาก 
จำเจกับงานรูปแบบเดิมๆ เหมือนทุกวัน เราจึงไม่แปลกใจที่ งานด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ต่างเป็นที่หมายปองของคนทั่วไปชนิดที่ว่าเปิดรับสมัครเมื่อไหร่เป็นเต็มทันใจทุกทีค่ะ

2.  หัวใจบริการคืองานของเรา แม้ว่าทุกวันนี้งานบริการบนฟ้าอย่างการเป็นแอร์โฮสเตสและสจ๊วตยังคงมีหนุ่ม สาวรุ่นใหม่ส่งใบสมัครกันไม่ขาดสาย แต่งานบริการก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ งานรูปแบบเดิมๆ โดยเฉพาะงานบริการด้านอาหาร อย่างการจัด Catering งานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ซึ่งตอนนี้       กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มลูกค้าเอเยนซี่โฆษณา ออร์แกไนเซอร์ ไปจนถึงงานเลี้ยงส่วนตัว เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่    งานบริการรูปแบบนี้ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่สนุก และท้าทาย    ยิ่งเรื่องของอาหารด้วยแล้ว หากคุณมีความรู้ และรู้จักที่จะดัดแปลงให้แปลกตา น่ามอง และน่าชิม รับรองว่า งานบริการอย่าง Catering   จะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับคุณเลยทีเดียวค่

3. นักกิจกรรม สร้างสรรค์งานเก๋ นักจัดอีเวนท์ เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากของคนยุคนี้ ทั้งในรูปแบบของบริษัทออร์แกไนเซอร์ รับจ้างจัดงานเปิดตัวสินค้า สถานที่ต่างๆ หรือจะเป็นในลักษณะของฟรีแลนซ์ รับวางแผนงานสร้างสรรค์ไอเดีย เก๋ๆ ไปจนถึงขั้นตอนการเตรียมงาน และความพร้อมต่างๆ จนกระทั่งนับถอยหลัง 5 4 3 2 1 กันเลยและรูปแบบการจัดงานก็มีหลากหลาย ตั้งแต่งานการตลาดไปจนถึงงานวิวาห์ และปาร์ตี้วันเกิด รูปแบบของงานประเภทนี้จึงเน้นไปในเรื่องของความคิดที่แปลกใหม่ และการทำงานที่ต้องแข่งขันกับเวลาและความทันสมัย ใครรู้ตัวว่ามีไอเดียกระฉูด และสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้จริงๆ ลองพิจารณาสาขาอาชีพนี้ดูหน่อยดีมั้ยคะ

 4.  เนรมิตงานสวย ผ่านการดีไซน์ ใครรู้ตัวว่าเป็นคนช่างดีไซน์ รู้จักดัดแปลง สร้างสรรค์สิ่งของธรรมดาให้เป็นงานสวย ฝีมือดีได้ การมีอาชีพเป็นนักออกแบบถือเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน โดยเฉพาะงานออกแบบอัญมณี เครื่องประดับทั้งหลายที่เป็นของสวยงาม จัดได้ว่าเป็นความฝัน    อย่างหนึ่งของสาวๆ เลยก็ว่าได้ สำหรับอาชีพนักออกแบบ นอกจากต้องมีคุณสมบัติสร้างสรรค์งานได้เป็นอย่างดีแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือต้องมีความอดทน และมีสไตล์ของตัวเองที่ชัดเจนสิ่งนี้จะทำให้งานออกแบบของคุณมีความแตกต่างจากท้องตลาดในปัจจุบันค่ะ

5.  งานไอที เพื่อชีวิตทันสมัย  หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่สนใจไอที คงต้องบอกว่าเอาต์สุดๆ ในพ.ศ.  นี้กันเลย แต่ถ้าคุณสนใจถึงขนาดที่ว่านำความรู้เหล่านั้นมาประกอบเป็นอาชีพได้ละก็ คุณก็โชคดีไม่น้อยทีเดียว เพราะยุคนี้ทุกสิ่งรอบตัวต่างดำเนินไปด้วยระบบดิจิตอลไปเสียหมดดังนั้น อาชีพอย่างการเป็นโปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบ นักจัดการวางแผนงานด้านคอมพิวเตอร์ เหล่านี้จึงเป็นหนทางที่จะสร้างรายได้ที่ดีให้กับคุณ แถมยังดูอินเทรนด์    เป็นหนุ่มสาวสมัยใหม่ที่น่าจับตามองอีกด้วย เพราะฉะนั้นใครรู้ตัวว่ามีหัวด้านไอทีก็อย่ารีรอ เร่งหาความรู้เพิ่มเติมแล้วร่อนใบสมัครอัพเกรดชีวิตด่วน

6. ช่างพูดช่างคุย ลุยงานการตลาด  อาชีพนักขายและนักการตลาด ยังคงเป็นอาชีพฮอตฮิตในใจคนหนุ่มสาว  รุ่นใหม่อยู่เสมอ เพราะนอกจากรายได้ที่ดีเสียจนใครๆ ต้องอิจฉา เรื่องของลักษณะงานยังน่าสนใจไม่น้อย เรียกว่าสนุก เร้าใจ ยิ่งใครชอบการทำงานภายใต้ความกดดันจากคู่แข่ง งานนี้เหมาะกับคุณเลยค่ะ บุคลิกภาพที่โดดเด่นของคนทำงานด้านนี้ต้องเป็นคนที่หน้าตาดี เรียกว่า  เห็นแล้วต้องน่าคุยด้วย มีความฉลาด ไหวพริบเป็นเลิศ ช่างเจรจา และยังต้องทำงานอย่างหนัก ขยันในการติดต่อประสานงาน เหล่านี้คือการทำงานอย่างหนัก แต่ก็แลกมาด้วยรายได้ที่งดงามเสมอ เอาเป็นว่าคุณสมบัติที่ว่ามาหากตรงกับคุณมากกว่า 2 อย่างก็ลองเบนเข็มชีวิตมาลิ้มลองงานขายดูสักหน่อยก็ไม่เลวนะคะ

7.  งานโฆษณา ลูกบ้าเต็มเหนี่ยว  การเป็นนักโฆษณาที่ดีและจะสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ต้องอาศัยความกล้า บ้าบิ่น โดยเฉพาะความบ้าทางด้านความคิด อย่างที่ใครๆ มักบอกให้คิดต่าง หรือคิดในมุมกลับกัน คนในแวดวงโฆษณามักมียีนชนิดนี้แฝงอยู่เสมอ เด็กจบใหม่จำนวนมากใฝ่ฝันอยากทำงานด้านนี้    ด้วยความเชื่อที่ว่าความคิดต่างๆ ที่พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับก่อนหน้านี้ สังคมอาจเปิดโอกาสให้พวกเขาบ้าง และเชื่อมั้ยคะว่า … นักโฆษณาหลายคนต่างต่อยอดให้ตัวเองจนกลายเป็นผู้กำกับดังมาแล้วหลายคน เพราะฉะนั้นถ้าเชื่อในลูกบ้าของตัวเองว่ามีเพียงพอแล้วละก็ ลองหันมามองอาชีพที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างนักโฆษณา แล้วคุณจะรู้ว่า อิสระทางความคิดสนุกแค่ไหน

8.  เป็นนายตัวเอง เวิร์กสุดๆ  ใครจะเถียงบ้างว่า ไม่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เราเชื่อว่า ความฝันลึกๆ ในใจทุกคนคือการได้ทำงานให้ตัวเอง เพื่อตัวเองจริงๆ ปัจจุบันเราจึงเห็น    คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่เริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่อายุ ยังน้อยๆ หลายคนโอกาสดีเพราะฐานะทางการเงินเอื้ออำนวย แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่อาศัยความกล้าได้กล้าเสีย ยอมลงทุนเงินก้อนที่เก็บหอมรอมริบมานาน    เพื่อให้ธุรกิจที่รักเริ่มต้นขึ้นได้ คุณสมบัติใหญ่ของคนที่อยากทำอาชีพนี้ให้สำเร็จคือต้องมีความรู้ในสิ่งที่ตัว เองทำให้มากที่สุด และที่ขาดไม่ได้เลย    คือความขยัน อดทนมากกว่าการเป็นลูกน้องคนอื่น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม     การทำอาชีพเป็นเจ้านายตัวเองก็ได้รับความนิยมและมีคนจำนวนไม่น้อยยอมเสี่ยง เอาเงินเก็บทั้งชีวิตที่มี เพื่ออาชีพที่เรียกกันว่า ‘เจ้าของธุรกิจส่วนตัว

9.  เก่งเฉพาะด้าน งานรายได้ดี  ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นชื่อเรียกสำหรับอาชีพที่คนทั่วไปจะมาร่อนใบสมัครกันง่ายๆ ไม่ได้นะคะ อย่างแรกและสำคัญที่สุดคือคุณต้องเรียนวิชาชีพเหล่า   นี้มาโดยตรงและมีความรู้ เป็นอย่างดีเสียก่อน จึงจะสามารถ ทำงานได้เพราะงานประเภทนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก เช่น แพทย์ พยาบาล ทนายความ วิศวกร นักบิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ คุณต้องรับผิดชอบชีวิตและความปลอดภัยของคน เพราะฉะนั้นอาชีพนี้แม้จะรายได้ดี (ตลอดกาล) แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าคนอาชีพอื่นเช่นกัน คนส่วนใหญ่ที่ทำงานด้านนี้มักจะมีความชัดเจนมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เพราะการเรียน    ในระดับปริญญาจะต้องมีการปูพื้นความรู้อย่างเต็มที่เสียก่อน และถ้าคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วอยากจะทำอาชีพเหล่านี้ดูบ้าง คงต้องบอกว่าสายไปเสียแล้วค่ะ แต่เอาเป็นว่า อาชีพเชี่ยวชาญเฉพาะทางแบบนี้ มักจะไม่เคยตกอันดับ 10 อาชีพสุดฮอตตลอดกาลของคนบนโลกใบนี้แน่นอนค่ะ

10. ฟรีแลนซ์ รูปแบบชีวิตอิสระ ขาดไม่ได้แน่นอนกับอาชีพที่อินเทรนด์สุดๆ ของคนยุคปัจจุบันกับการทำงานแบบอิสระ ไม่ขึ้นกับใคร งานที่ต้องรับจ้างเป็นชิ้นๆ    หรือที่เรียกกันถนัดปากว่า ฟรีแลนซ์ แรกๆ เราจะรู้จักอาชีพนี้จากคนทำงานในแวดวงแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นช่างทำผม, เมกอัพอาร์ติสท์, ช่างภาพ และไม่นานกลุ่ม นักเขียนที่รับจ้างเขียนงานให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ ก็มีจำนวนมาขึ้น จนกระทั่งฟรีแลนซ์ได้ แพร่กระจายไปสู่ทุกกลุ่มงาน ไม่ว่าจะเป็น สถาปนิก, นักออกแบบ, ประชาสัมพันธ์, นักโฆษณา, ขายสินค้าบนเว็บไซต์ แม้กระทั่งนักพยากรณ์ ฟรีแลนซ์จึงเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากคนในสังคมไทยตอน นี้แม้รายได้ของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมหลายอย่าง แต่อิสระจากการทำงาน และชีวิตที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้แรงกดดัน ถือเป็นความสุขที่มากเกินพอสำหรับคนอาชีพนี้ค่ะ
               อาชีพที่นำมาเสนอให้นักเรียนรู้จักนี้น่าจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อของนักเรียนที่กำลังจะจบการศึกษาในปีนี้  เป็นเข็มทิศที่จะนำนักเรียนไปสู่สาขาที่นักเรียนจะศึกษาต่อเพื่อไปสู่อาชีพที่นักเรียนใฝ่ฝันนะคะ
           และขอฝากข้อคิดไว้ว่า  ถ้านึกเหนี่อยหน่ายอย่าพ่ายแพ้  วันนี้แย่พรุ่งนี้ยังมีหวังอย่าเอาอุปสรรคมาบั่นทอนถอนกำลัง  เมื่อชีพยังสู่ต่อไปให้คนลือ....ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้  อย่าท้อแท้ทุกอย่างยังไม่สาย  ค่อยพินิจคิดให้ดีค่อยคลี่คลาย  ถ้าไม่ตายแก้สำเร็จเสร็จแน่นอน.......
                                                                                         ด้วยรัก......จากครูแนะแนว
ชีวิตของนกอินทรี
กับแนวคิดในการดำเนินชีวิต

นกอินทรีมีชีวิตที่ยืนยาวที่สุดในบรรดาสัตว์ปีก  
มันสามารถมีชีวิตได้นานถีง 70 ปี  
แต่ก่อนที่จะอยู่ได้นานถึงป่านนั้น
นกอินทรีต้องมีการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของมัน

เมื่ออายุได้ 40 ปี ตอนนั้นกรงเล็บที่แข็งแกร่งและ
ยืดหยุ่นของมันจะไม่สามารถ
จับสัตว์เป็นอาหารได้อีก 
จงอยปากที่แหลมคมเริ่มโค้งงอ

เนื่องจากมันอายุถึง 40 ปีแล้วจึงมีปีกที่หนาและหนัก
ขนที่ยาวรุงรังจะไปรวมกันที่อกของมัน

ทำให้มันบินได้ลำบากมากขึ้น
และเมื่อนั้น มันจะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง  

นั่นก็คือตายไปซะ
หรือจะตัดสินใจที่จะอยู่ต่อไป  
ซึ่งต้องเผชิญความเจ็บปวด
ในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงชีวิต
เป็นระยะเวลายาวนานถึง 150 วัน

ในขั้นตอนนี้มันจะต้องบินขึ้นไปบนยอดภูเขาสูง 

และอยู่ที่รังของมัน
มันจะต้องใช้จงอยปากที่โค้งทื่อของมัน

จิกเคาะกับก้อนหิน ครั้งแล้วครั้งเล่า
จนกระทั่งจงอยหลุดออกมา  

หลังจากนั้นมันจะต้องรอให้
จงอยปากอันใหม่งอกขึ้นมาและพอจงอยปาก
งอกออกมาแล้ว  ที่นี้ก็ถึงตากรงเล็บที่งอกขึ้นมาใหม่
ต่อจากจงอยปาก

เมื่อกรงเล็บใหม่ที่งอกขึ้นมาสมบูรณ์แล้วมันก็จะเริ่ม

จิกถอนขนที่ดกหนาแล้วผลัดขนใหม่
หลังจาก 5 เดือนหรือ 150 วันผ่านไป
ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงก็จะเสร็จสมบูรณ์  
นกอินทรีก็จะบินสูงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
พร้อมกับร้องเสียงดังก้องสะท้านฟ้า 

คล้ายดังเป็นการประกาศก้องว่า 
ตูข้ากำเนิดใหม่แล้วและจะมีชีวิตที่ยืนยาว
ต่อไปอีก 30 ปี....
 (ถ้าไม่ถูกยิงหรือเจออุบัติเหตุตายไปก่อน)






จากชีวิตของมันทำให้เราเรียนรู้ว่า...
- หลาย ๆ ครั้ง...เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เราต้องมีขั้นตอน-กระบวนการ
เปลี่ยนแปลงตนเอง
- บางครั้งเราต้องลืมอดีตที่ขมขื่น นิสัยเก่า ๆ 

ที่เคยชินความผิดหวังต่าง ๆ
- ดังนั้นเราจำเป็นต้องปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ

จากนิสัย หรือสภาพแวดล้อมเดิม ๆ 
เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างราบรื่นในปัจจุบัน




วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อยากมีความสุข...จงทำตัวเหมือนน้ำ

UploadImage



        หลากหลายปัญหาที่เข้ามาในชีวิตหากเราจะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างง่ายได้ก็ต้องรู้จักการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมนะคะ ดุจดั่งสายน้ำ และเรื่องที่นำมาฝากกันในวันนี้ก็คือ อยากมีความสุข...จงทำตัวเหมือนน้ำ ไปติดตามกันเลยค่ะ

1.รู้จักประมาณตัว

>>>> น้ำ ไม่ว่าจะอยู่ในภาชนะรูปแบบใด หรือแหล่งน้ำธรรมชาติลักษณะไหน ก็สามารถกลมกลืนมีรูปร่างตามนั้น

>>>>คน หากรู้จักปรับตัวให้เข้ากับที่อยู่หรือสิ่งแวดล้อมที่ห่อหุ้มชีวิต อยู่บ้านใหญ่ก็อยู่ได้ อยู่บ้านเล็กก็ปรับตัวได้เหมาะสม เช่นภาษิต นกน้อยทำรังแต่พอตัว ไม่ใช่มีมากใช้มากมีน้อยใช้น้อยก็อาจทุกข์ร้อนได้


2.รู้จักถ่อมตน-เคารพคนอื่น

>>>> น้ำ จะไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ น้ำตกเกิดเพราะบนยอดเขามีน้ำอยู่มาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ผิวดินหรือใต้ดิน น้ำก็ย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ

>>>> คน เปรียบดั่งคนที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ติดยึดกับหัวโขนที่สวมอยู่ หากแต่สามารถปรับได้ตามกาลเทศะ รู้จักเคารพ ให้เกียรติ มีเมตตาไม่ดูถูก ไม่รังเกียจ

3.รู้จักยืดหยุ่น

>>>> น้ำ อ่อนนุ่มแต่มีปะทะมหาศาลยามที่อยู่เฉยๆไม่ทำร้ายใคร แต่ยามน้ำไหลบ่าก็สามารถทำลายแม้กระทั่งขุนเขามหึมาได้

>>>> คน ต้องรู้จักอดกลั้น อดทน และข้ามผ่านช่วงเวลาที่ไม่น่าพอใจไปได้ ด้วยการรู้จักยืดหยุ่น รู้จักเขารู้จักเราเพื่อก้าว เมื่อได้ชัยชนะให้เกียรติคู่ต่อสู้แข็งมาอ่อนกลับชนะจากภายในสู่ภายนอก

ข้อคิดและมุมมองเพื่อความเข้าใจในชีวิต...

 

1. เมื่อเด็กกำลังเติบโตเป็นวัยรุ่น มีความต้องการเป็นตัวของตัวเองสูง ผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจและใจแคบมักจะมองว่าเด็กดื้อ

2.
คนเราจิตตกได้เป็นครั้งคราว อาจทำอะไรที่ไม่เหมาะสมได้ การรู้ตัวเองและให้อภัยตัวเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญ

3.
คนอกหักไม่อาจตัดความโศกเศร้าได้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเยียวยาความรู้สึกดังกล่าว

4.
ให้เคารพแนวคิดของผู้อื่นบ้าง เสมือนหนึ่งเป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่ต่างไปจากเราเท่านั้นเอง

5.
กังวล เกินกว่าเหตุ . . . เชื่อมั่น มากเกินไป . . .ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องรู้จักตนเองอยู่เสมอ

6.
ทำไปเพราะไม่รู้ ให้อภัยกันได้ รู้แล้วยังทำ คือ ความดื้อ

7.
ก่อนที่จะว่ากล่าวถึงนิสัยไม่ดีของลูกนั้น ให้มองตัวพ่อแม่เองก่อนด้วยว่า เรามีส่วนผลักดันให้เขาเป็นเช่นนั้นด้วยหรือเปล่า

8.
ความทุกข์ของมนุษย์ 100% เกิดจากการพยายามฝืนความจริงของธรรมชาติ

9.
หากต้องอยู่กับคนที่ไม่เกรงใจกันเลย พูดกับเขาให้น้อยลง เล่นกับเขาให้น้อยลง

10.
หากอยากได้อะไร ก็ควรเสียอะไรบ้าง

11.
ถ้าเราปล่อยให้โลก เร่งตัวเรา ควบคุมตัวเรา จนเราขาดอิสระภาพ เราก็จะทุกข์ ถ้าเราจะเร่งโลก ควบคุมโลกให้โลกนี้เป็นไปตามความต้องการของเรา เราก็ทุกข์เช่นกัน

12.
ความฉลาดอาจหลอกคนได้ ความจริงใจต่างหากที่จะชนะใจคน

13.
การให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์มากไป ทำให้เราลืมธรรมชาติ ลืมความเป็นจริงได้ง่าย

14.
อารมณ์เป็นตัวกำหนดความคิด ความคิดกำหนดพฤติกรรม หากจะเข้าใจพฤติกรรมของคนให้ถูกต้อง จึงต้องอ่านอารมณ์ให้ออก

15.
การมองอะไรว่าดี ว่าเลว ขึ้นกับว่าอารมณ์ของเราขณะนั้นเป็นอย่างไร

16.
ทำอะไรก็แล้วแต่ ควรมีหลักการบ้าง แต่ต้องระวังอย่ายึดเป็นกฎเกินไป

17.
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเป็นคำพื้นๆ ที่ใช้มาเตือนสติเราได้ดีตลอดกาล

18.
การพยายามทำอะไรทุกอย่างให้ได้ การสงสัยอะไรทุกเรื่องเป็นความโง่ได้ก็เพราะว่าเรื่องต่างๆ ในโลกนี้มีตั้งหลายเรื่องที่ใช่ว่าเราจะรู้มันได้ง่าย และเรื่องอีกหลายเรื่อง ก็ไม่จำเป็นที่ต้องตอบให้ได้ด้วย

19.
คุณธรรมส่อคุณค่าของมนุษย์ มากกว่าความฉลาด

20.
อะไรก็ตามแต่ แม้ว่ามันจะจริง จะถูกต้อง แต่ถ้าการพูดออกไปนั้น มันไม่มีประโยชน์มีแต่ผลเสียอย่าพูดดีกว่า

21.
การขาดความเกรงใจต่อกัน ทำให้เราทะเลาะกันได้ง่าย การมีความเกรงใจต่อกันที่มากเกินไป ก็ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง

22.
ใครที่เขากล้าพูดความจริงกับเราออกมา นั่นก็เพราะเขามีความเชื่อมั่นว่าเราจะยอมรับเขาได้

23.
การฝึกวินัยให้กับลูกนั้นแท้ที่จริงแล้ว เป็นการฝึกวินัยให้กับพ่อแม่ด้วย

24.
หากลูกเป็นคนเฉื่อยชา เราคงต้องช่วยกระตุ้นให้กำลังใจ หากลูกเป็นคนเอาจริงเอาจังเกินไป เราคงต้องช่วยสอนให้ลูกได้ปล่อยวางบ้าง กฎเกณฑ์การเลี้ยงลูกของคนๆ หนึ่ง จึงไม่เหมือนของอีกคนๆ หนึ่ง

25.
เมื่อคิดจะเสนอความคิดเห็นต่างๆ ที่มองว่าดี ต้องมองถึงความเป็นจริง ความเป็นไปได้ด้วยเสมอ

26.
แต่ละคนมีศักยภาพของตัวเองอยู่แล้ว เราจึงควรต้องให้เกียรติต่อกันบ้าง

27.
เมื่อเป็นคนก้าวร้าวคนอื่นไม่เป็น ก็มักจะถูกคนอื่นรุกรานได้ง่ายเช่นกัน

28.
ถ้าเราเชื่อเรื่องกรรม การตายก็ไม่ใช่วิธีการหนีปัญหาได้ตลอดไป เนื่องจากกรรมนั้นๆ ยังไม่ได้ชดใช้ จนหมดวาระในตัวของมันเอง เกิดชาติหน้า กรรมเก่าก็จะติดตัวต่อไปอยู่ดี

29.
การมองปัญหาในแง่มุมต่างกัน ในจุดต่างกันจะทำให้เข้าใจปัญหาได้ต่างกัน

30.
เราจะให้อภัยตัวเอง กับผู้อื่นได้นั้น เราต้องเข้าใจในตัวเองและผู้อื่นได้ก่อน

31.
การแก้ปัญหาทางบุคลิกภาพ ต้องอาศัยทั้งความจริงใจและการอดทนเป็นอย่างยิ่ง

32.
ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นเรื่องที่ดี แต่ . . .ปัจจัยแห่งความสำเร็จนั้นก็หาได้ขึ้นอยู่กับเราคนเดียวไม่

33.
เวลาที่พ่อแม่จะสะกิดฝีหนองให้ลูกนั้น พ่อแม่เองก็เจ็บปวดไม่น้อย

34.
บางครั้งเราต้องการให้คนอื่นมาเข้าใจเรา มากกว่าที่เราอยากจะเข้าใจตัวเอง นั่นก็เพราะว่า เรายังเป็นมนุษย์ที่ยังมีความอ่อนแออยู่บ้าง

35.
เรื่องที่คนเราประทับใจ มักจะลืมเลือนได้ยาก ก็เนื่องจากความประทับใจ ไม่ใช่ความจำนั่นเอง

36.
จะมีเราอยู่ . . . เขาก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีเราอยู่ . . . เขาก็เป็นอย่างนั้น

37.
หากเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จริงๆ แล้ว เราเป็นได้แค่เพียงตัวกระตุ้นเท่านั้น

38.
ถ้าเราเรียนรู้ธรรมะด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว เราจะสัมผัส "การรู้" ได้ยากยิ่ง

39.
ความสับสนในชีวิตมันเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นจึงควรหาที่ยึดเหนี่ยวให้จิตใจได้พักเสียบ้าง

40.
เรื่องของชีวิต มันมีจังหวะที่ต้องรอคอยอยู่บ้าง จะเรียกร้องให้มันได้ดั่งใจเสมอ

41.
พ่อแม่หากมีความรักลูกมากไปแล้ว ก็ยากที่จะสอนวินัยให้กับลูกได้ดี

42.
การเข้าใจคนอื่นได้ เป็นเรื่องที่ดี การเข้าใจตนเองได้ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่แย่ และก่อให้เกิดทุกข์ได้มากก็คือรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลย

43.
การเร่งแก้ปัญหา โดยรีบคิดให้ตกทันที จะยิ่งสร้างปัญหาทางอารมณ์ได้มากยิ่งขึ้น


images